ผู้อำนวยการโครงการชลประทานภูเก็ต นำสื่อมวลชน ลงพื้นที่ดูการระบายน้ำจากอาคารท่อส่งน้ำด้านล่างของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนบางวาด พร้อมชี้แจงเหตุปริมาณน้ำท่วมตัวเมืองภูเก็ตสูงกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกมากกว่า 200 มิลลิเมตร
จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลายจุด เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.65) หลายฝ่ายได้ระดมกำลังกันเข้าช่วยเหลือ ทำให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เหลือเฉพาะพื้นที่รับน้ำบางจุดเท่านั้นที่ยังมีน้ำขัง แต่ยังมีประชาชนบางส่วนที่เข้าใจว่าปริมาณน้ำที่สูงมาก เนื่องจากโครงการชลประทานภูเก็ต ได้เปิดระบายน้ำจากอาคารท่อส่งน้ำด้านล่างของอ่างเก็บน้ำ (River outlet) เขื่อนบางวาด
ล่าสุดนายธรรมนูญ บำรุงเพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานภูเก็ต พร้อมด้วย น.ส.วันลีย์ เจริญวิทย์ธนเดช เกษตรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต นำสื่อมวลชนลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำบางวาด ไปดูการบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานภูเก็ต พร้อมกับชี้แจงข้อมูลสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดภูเก็ต
ว่า สาเหตุที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมมีสาเหตุมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ น้ำเหนือ ปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อน ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ และน้ำทะเลหนุน ส่วนจังหวัดภูเก็ตปริมาณฝนที่วัดได้ในพื้นที่น้ำประมาณ 230 มิลลิเมตร ซึ่งเกินความจุของอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง ทางชลประทานจึงมีความจำเป็นต้องระบายออก เพื่อความมั่นคงของสันเขื่อน และความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
และปริมาณน้ำที่ล้นออกจากอ่างเก็บน้ำนั้น เป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกแล้วเอ่อล้นจากสปริงเวย์ หากเกินขอบสปริงเวย์ 30 – 40 เซนติเมตร ทางชลประทานมีความจำเป็นจะต้องระบายน้ำออก ซึ่งการระบายน้ำทำได้ 2 วิธี คือ ระบายออกตามธรรมชาติล้นมาจากทางสปริงเวย์ และการระบายทางใต้เขื่อน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และควบคุมปริมาณน้ำที่ระบายออก ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน
